Model การสอน
Model การสอน
ADDIE Model คือ เป็นแนวคิดกระบวนการออกแบบหลักสูตร สื่อ กิจกรรมตั้งแต่จุดเริ่มต้น ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย อย่างเป็นระบบระเบียบ โดยจะเน้นไปที่การเก็บข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อนำข้อมูลนั้นมาออกแบบ ตัวสื่อ หลักสูตร และกิจกรรมให้ครอบคลุมกลุ่มผู้เรียน โดยกระบวนการออกแบบสื่อของ ADDIE Model นั้นประกอบด้วยขั้นตอน 5 อย่างดังนี้
1. วิเคราะห์ (Analysis)
เป็นขั้นตอนที่เราจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ออกแบบ บทเรียน สื่อหรือกิจกรรม โดยข้อมูลที่เราจะต้องวิเคราะห์ประกอบด้วย วิเคราะห์สภาพปัจจุบันปัญหาของผู้เรียนว่า พวกเขามีปัญหาอะไร ชอบการเรียนรู้แบบใด ไม่ชอบการเรียนรู้แบบใด วิเคราะห์ความต้องการปัจจุบันของผู้เรียน และของเรา เพื่อหาแนวทางการออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบวัตถุประสงค์ร่วมกัน วิเคราะห์ผู้เรียน วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของผู้เรียน เพื่อนำไปใช้พิจารณาออกแบบ กิจกรรม สื่อ หรือแผนการเรียน โดยข้อมูลสำคัญที่ควรวิเคราะห์ได้แก่ องค์ความรู้ ประสบการณ์ เพศ อายุ แรงจูงใจในการเรียน ไปจนถึง ความถนัด ระบุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ สิ่งสำคัญของการออกแบบ แผนการสอน สื่อ และ กิจกรรม คือ เราจำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์ที่ตั้งเป้าไว้เสมอว่าอยากให้เด็กได้อะไร ดังนั้นเพื่อให้จัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรกำหนดให้ชัดเจนว่า เราอยากให้เด็กได้อะไร เช่น ความรู้ ทักษะ และ ทัศนคติ
วิเคราะห์ว่าพวกเขามีข้อจำกัดในการเรียนรู้หรือไม่ เช่น ข้อจำกัดด้าน คุณทรัพย์ หรืออาจเป็นข้อจำกัดด้านร่างกาย เช่น เป็นผู้พิการ ดังนั้นการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบข้อจำกัดเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อที่เราจะได้หาแนวทางจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มได้อย่างทั่วถึงโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นอกจากข้อจำกัด แล้วอีกหนึ่งอย่างที่ควรวิเคราะห์คือ แผนการเรียน สื่อ หรือกิจกรรมที่เราต้องการจะทำนั้น มีข้อจำกัดพิเศษหรือไม่ เช่น จำเป็นต้องใช้คอม หรือ Smartphone การระบุให้ชัดเจนจะช่วยให้เราออกแบบการเรียนรู้ได้ครอบคลุมเป็นระบบมากขึ้น
2. ออกแบบ (Design)
ขั้นตอนการออกแบบจะเป็นขั้นที่เรานำข้อมูลที่วิเคราะห์ รวบรวมในขั้นก่อนหน้านี้ มาใช้ออกแบบแผนการเรียน สื่อ หรือกิจกรรมของเราให้ออกมาเป็นระบบระเบียบเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยในขั้นนี้ จะนำหัวข้อปัญหาที่เราระบุได้ มาลอง Brain storm หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาจัดทำเป็นสื่อ หรือแผนการเรียน โดยเครื่องมือที่แนะนำให้ใช้ในขั้นนี้คือ Flow chart Story board
3.การพัฒนา (Develop)
เป็นขั้นตอนการนำภาพร่าง หรือโครงร่างที่ทำไว้ใน Story board มาลองทำเป็นชิ้นงานจริง ๆ เมื่อออกแบบเสร็จก็ต้องไม่ลืมเอาไปให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือผู้เชี่ยวชาญช่วยดูว่า เหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมก็จะต้องนำมาปรับต่อ ในกรณีของครู อาจเป็นการนำตัวชิ้นงานต้นแบบไปให้เพื่อนครูลองประเมินดูว่า เหมาะสมหรือไม่ หรืออาจนำไปให้ผู้เรียนบางกลุ่มลองใช้งานดูเพื่อรับ Feedback จากนั้นนำ Feedback นั้นมาพัฒนาชื้นงานต่อให้ตอบโจทย์ผู้เรียนมากขึ้น
4.การนำไปใช้ (Implement)
ในขั้นตอนการนำไปใช้นั้น คือ การนำชิ้นงานต้นแบบที่พัฒนาปรับปรุงแล้วไปลองให้ผู้เรียนใช้งานจริง โดยขั้นตอนนี้ จะเริ่มตั้งแต่การสอนใช้งานเบื้องต้น การให้ลองใช้งานจริง ไปจนถึงตอนท้ายคือมีการประเมิน เพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาต่อให้ตัวแผนการเรียน สื่อ หรือกิจกรรม มีประสิทธิภาพมากขึ้น
5.การประเมิน (Evaluation)
ขั้นการประเมินนั้นทำได้หลากหลายแบบทั้ง แบบ Summative และ Formative แต่หากเป็นไปได้คุณครูควรจะจัดทำทั้งสองแบบ เพราะการทำการประเมินแบบ Formative หรือการประเมินระหว่างเรียนนั้น จะทำให้เห็นพัฒนาการของตัวเด็ก เห็นว่าปัญหาของเด็กคืออะไร ข้อมูลตรงนี้จะช่วยในการปรับปรุงชิ้นงานให้ดีขึ้นได้ ในส่วนของ Summative นั้นจะทำให้เห็นผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนว่า เป็นอย่างไร ดีขึ้น / พอใช้ / หรือแย่ลง นอกจากนี้การประเมินยังครอบคลุมไปถึงความพึงพอใจในการใช้งานด้วย โดยผลการประเมินความพึงพอใจตรงนี้จะทำให้เห็นข้อดีข้อเสีย จุดแข็งจุดอ่อนของ แผนการเรียน สื่อ หรือกิจกรรมของเรา ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการออกแบบ บทเรียน สื่อ หรือกิจกรรม ตัวใหม่ของเราในอนาคต
กิจกรรมการสอนจิตศึกษา